สายใยเเห่งรัก

          37928e6811

             เมื่อเราจะพูดถึงความรักที่แท้จริงและบริสุทธิ์ คงเป็นใครไม่ได้นอกจากความรักจากแม่ผู้ฟูมฟักถนอมเลี้ยงเราใช่ไหมล่ะคะ หลังจากที่เราเคยพูดถึงความรักแบบต่างๆมามากมาย วันนี้เราจะมาพูดถึงความรักบริสุทธิ์จากผู้หญิงที่ถูกเรียกขานว่า”แม่”กันค่ะ สำหรับวรรณคดีเรื่องที่ดากานดาจะยกมาเล่าในวันนี้ก็คือ “สังข์ทอง”ค่ะ ซึ่งเหตุผลที่ดากานดาอยากนำเรื่องราวของพระสังข์มาเล่าก็เพราะว่า พระสังข์ของเรามีรักแท้บริสุทธิ์ที่ได้จากแม่ถึงสองคนเลย ซึ่งหนึ่งในสองคนนี้ไม่ใช่มนุษย์ซะด้วยค่ะท่านผู้อ่าน นั่นแน่~~~ แค่นี้ก็อยากรู้แล้วใช่ไหมว่ารักแท้บริสุทธิ์เป็นยังไง งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

              หลังจากที่ท้าวภุชงค์เพื่อนพญานาคของนางพันธุรัตน์ ส่งพระสังข์มาให้เป็นบุตรบุญธรรมนางพันธุรัตน์ก็ดีใจมากเพราะสามีของนางเสียชีวิตและนางไม่มีลูกถึงแม้โหรจะทำนายว่าหากนำลูกมนุษย์มาเลี้ยงส่งผลต่อชีวิตของนางอาจถึงขั้นตายได้แต่นางก็ไม่สนใจและไม่ฟังคำคัดค้านของบรรดายักษ์ตนอื่นๆนางรักพระสังข์ และเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจนถึงอายุ 15 ปีโดยที่พระสังก็ไม่รู้ว่า นางเป็นยักษ์ ความรักของนางพันธุรัตน์ที่มีต่อพระสังข์จะเห็นได้จากตอนที่พระสังข์แอบเอานิ้วไปจุ่มบ่อทองด้วยความกลัวว่าแม่จะรู้ว่าแอบเข้าไปในเขตหวงห้ามและรู้ความลับของแม่ว่าเป็นยักษ์จึงเอาผ้าพันนิ้วไว้

            เมื่อนั้น                   นางพันธุรัตยักษี
เล็ดลอดสอดหามฤคี          ได้เจ็ดราตรีอยู่ไพรวัน
สายัณห์ตะวันรอนรอน         ใกล้จะลับสิงขรพนาสัณฑ์
รำลึกถึงลูกใจผูกพัน            เร่งรีบเร็วพลันระเห็จมา
 
     ถึงรับขวัญอุ้มพระลูกรัก    จูบพักตร์เศียรเกล้าเกศา
กอดชมดังดวงนัยนา             นางแสนเสน่หาดังดวงใจ
แลเห็นนิ้วหัตถาผ้าพัน           เอววันของแม่เป็นไฉน
ผ้าผูกนิ้วถูกอะไร                   เป็นไรหรือพ่อจงบอกมา
 
           เมื่อนั้น                      พระสังข์ได้ฟังคำว่า
ครั้นแม่จับนิ้วทำมารยา         กลัวพระมารดาจะเคืองใจ
 ทำผิดลูกกลัวพระแม่ตี        ลูกนี้ไม่มีอัชฌาสัย
จับมีดเข้ามาผ่าไม้              บาดเลือดซับไหลฝนไพลทา
 
 
                 ได้เอยได้ฟัง               ชะนางพี่เลี้ยงช่างให้ไม้ผ่า
จับมือพิศดูพันผ้า                         ทูนเหนือเกศารำคาญใจ
จะมากหรือน้อยแม่ขอดู              นิ่งอยู่หาทำให้เจ็บไม่
กำมิดปิดซ่อนแม่ทำไม              บาดแผลน้อยใหญ่ไฉนนา


ได้เอยได้ฟัง                 นางมารโกรธพี่เลี้ยงสาวศรี
น้ำตาคลอตาด้วยปรานี             ให้มัดตีพี่เลี้ยงนางใน
นางนมพี่เลี้ยงเรียงหน้า            ไม่นำพาเอาใจใส่
ให้เล่นมีดเล่นพร้าผ่าไม้            ตีให้บรรลัยประเดี๋ยวนี้


          ได้เอยได้ฟัง                  พระสังข์บังคมขอโทษพี่
อ้อนวอนกราบไหว้ทั้งโศกี       มิให้ต้องตีชิงไม้ไว้
ลูกแข็งเขาห้ามแล้วไม่ฟัง        เขารักข้าหาชังลูกน้อยไม่
ถ้าเขาต้องโทษโพยภัย           ไหนเขาจะรักลูกน้อยนี้

               เวลานางจะออกไปหาอาหารก็คิดถึงพระสังข์ และเป็นห่วงความเป็นอยู่ของพระสังข์ตลอด และยิ่งกลับมาเห็นพระสังข์มีผ้าพันไว้ก็ยิ่งเป็นห่วง ดากานดาคิดว่าความรู้สึกของ นางพันธุรัตน์ก็เหมือนความรู้สึกของแม่ทุกคน ที่เวลาลูกไม่อยู่ในสายตาก็ย่อมเป็นห่วงและมีความกังวลเป็นพิเศษเป็นห่วงว่าคนที่ฝากให้ดูแลลูกจะดูแลลูกได้ดีเท่าตัวเองหรือเปล่ายิ่งถ้าเห็นลูกเจ็บคนเป็นแม่ก็ยิ่งเจ็บปวดยิ่งกว่า และจากการที่นางสั่งเฆี่ยนพี่เลี้ยงเพราะคิดว่าพี่เลี้ยงจะละเลยพระสังทำให้พระสังข์ได้รับบาดเจ็บก็แสดงให้เห็นว่านางรักพระสังข์และเชื่อทุกคำพูดของลูกอย่างสนิทใจโดยไม่คิดจะถามความจริงจากพี่เลี้ยงเลย หลังจากที่พระสังข์หนีออกจากเมืองนางก็รีบตามหาด้วยความเป็นห่วงเมื่อพบก็ร้องให้พระสังข์กลับไปอยู่ด้วยกัน

       นั่งอยู่ไยนั่นพ่อขวัญข้าว           ขัดเคืองอะไรเล่าเจ้าจึงหนี
มาเถิดทูนหัวอย่ากลัวตี                   ดูเอาเถิดซียังมิมา
นางร้องไห้ร่ำแล้วซ้ำเรียก               ปืนตะกายตะเกียกขึ้นไปหา
ด้วยเดชะอำนาจสัตยา                   เผอิญให้เลื่อยล้าสิ้นกำลัง
พลัดตกหกล้มนอนตะแคง             ขาแข้งสีข้างขัดขึ้นดัดหลัง
โศกีตีอกเพียงจะพัง                      ทรุดนั่งกระแทกก้นจนใจ
ลูกน้อยกลอยสวาทของมารดา      แม่บำรุงเลี้ยงมาจนใหญ่
มิให้ระคายเคืองสิ่งใด                    เจ้าหนีแม่มาได้ช่างไม่คิด
แม่อุตส่าห์มาตามด้วยความรัก       เจ้าไม่พูดไม่ทักแต่สักหนิด
อกแม่จะแตกตายวายชีวิต             สุดคิดอยู่แล้วนะลูกยา

                คนเป็นแม่แค่ลูกไม่อยากคุยด้วยก็เสียใจแล้วและยิ่งลูกกำลังจะหนีไปก็ยิ่งใจสลายถึงแม้ลูกจะกลัวไม่ยอมกลับมาอยู่ด้วยกันแต่ด้วยความเป็นแม่ แม่ก็ย่อมเป็นห่วงลูกเป็นธรรมดา อีกทั้งนางยังกังวลความเป็นอยู่ของลูกในอนาคตหลังจากที่ไม่มีนางและบริวารจะต้องไปเผชิญความยากลำบากเพียงลำพังนางจึงสอนมนต์เพื่อให้ลูกนำไปใช้ประโยชน์และเอาตัวรอดได้

เมื่อนั้น                                      พันธุรัตฟังว่าเพียงอาสัญ
ฟูมฟายน้ำตาจาบัลย์                              เจ้าไปแล้วไหนนั่นจะกลับมา
คิดอ่านอุบายจะหน่ายหนี                       เอาเหตุชนนีนั้นมาว่า
ถึงไปก็ไม่ขัดอัธยา                                 เชิญลงมาหาแม่แต่สักน้อย
พอแม่ได้ชมโฉมเจ้า                                ให้สบายบรรเทาที่เศร้าสร้อย
แต่ร่ำร้องไห้หาเลือดตาย้อย                     อุตส่าห์สู้ติดต้อยห้อยตาม
อย่านึกแหนงแคลงเลยว่าเป็นยักษ์           มาเถิดลูกรักอย่าเกรงขาม
ถึงจะอยู่จะไปก็ให้งาม                            เจ้าผู้ทรามรักร่วมชีวา
อันรูปเงาะไม้เท้าเกือกแก้ว                    แม่ประสิทธิ์ให้แล้วดังปรารถนา
ยังมนต์บทหนึ่งของมารดา                    ชื่อว่ามหาจินดามนต์
ถึงจะเรียกเต่ปลามัจฉาชาติ                  ฝูงสัตว์จัตุบาทในไพรสณฑ์
ครุฑาเทวัญชั้นบน                                อ่านมนต์ขึ้นแล้วก็มาพลัน
เจ้าเรียนไว้สำหรับเมื่ออับจน                 จะได้แก้บนตนที่คับขัน
แม่ก็คงจะตายวายชีวัน                         จงลงมาให้ทันท่วงที

                            เมื่อนั้น                     พันธุรัตขัดสนเป็นนักหนา
แหงนดูลูกพลางทางโศกา                      ดังหนึ่งว่าชีวันจะบรรลัย
โอ้ลูกน้อยหอยสังข์ของแม่เอ๋ย               กรรมสิ่งใดเลยมาซัดให้
จะร่ำร้องเรียกเจ้าสักเท่าไร                     ก็ช่างเฉยเสียได้ไม่ดูดี
สิ้นวาสนาแม่นี้แน่แล้ว                            เผอิญให้ลูกแก้วเอาตัวหนี
จะขอลาอาสัญเสียวันนี้                          เจ้าช่วยเผาผีมารดา
อันพระเวทวิเศษของแม่ไซร้                  ก็จะเขียนลงให้ที่แผ่นผา
จงเรียนร่ำจำไว้เถิดขวัญตา                     รู้แล้วอย่าว่าให้ใครฟัง
เขียนพลางทางเรียกลูกน้อย                  มาหาแม่สักหน่อยพ่อหอยสังข์
แต่พอให้ได้ชมเสียสักครั้ง                    ขอสั่งสักคำจะอำลา
แม่อ้อนวอนว่านักหนาแล้ว                   น้อยหรือลูกแก้วไม่มาหา
ทุ่มทอดตัวลงทรงโศกา                      สองตาแดงเดือดดังเลือดนก
ทั้งรักทั้งแค้นแน่นจิต                        ยิ่งคิดเคืองขุ่มมุ่นหมก
กลิ้งกลับสับส่ายเพ้อพก                    นางร่ำร้องจนอกแตกตาย

              นางร่ำร้องจนอกแตกตายด้วยความที่นางรักและเลี้ยงดูทะนุถนอมเป็นอย่างดีทำ การเสียลูกไปมันหนักหนาเกินทนไหว ดากานดาคิดว่าอาจเป็นเพราะนางไม่อยากทนอยู่โดยที่ไม่มีลูก แต่ละวันต้องผ่านไปอย่างยากลำบากต้องมานั่งเศร้าเสียใจ คิดถึงสิ่งที่ได้ทำอะไรร่วมกันมา ความทรงจำยากจะลืมลบเลือน อีกทั้งนางเคยสูญเสียคนที่นางรักไปแล้วครั้งหนึ่งแล้วอยากจะทนกับความเสียใจในครั้งที่สองได้

StoriesThaiLit01_Sangtong_2

ดากานดาว่านอกจากความรักต่างสายเลือดแล้ว ความรักของผู้ให้กำเนิดอย่างนางจันท์เทวีก็เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกันค่ะ  เรียกได้ว่าไม่ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดหรือแม่เลี้ยงต่างก็รักพระสังข์ไม่แพ้กันเลย  ความรักของนางจันท์เทวีที่มีต่อพระสังข์นั้นช่างยิ่งใหญ่นัก เพราะนางจันท์เทวีคลอดลูกออกมาเป็นหอยสังข์ ทำให้นางต้องออกจากเมืองไปอยู่ในป่า แต่ด้วยความเป็นแม่ นางไม่สามารถทิ้งพระสังข์ได้ ไม่ว่าลูกของตนจะเป็นอย่างไรคนที่เป็นแม่ก็จะรักลูกของตนอยู่เสมอ ถ้าหากนางไม่รักลูกของตน นางก็คงโยนหอยสังข์ทิ้งไปแล้วอยู่อย่างสุขสบายในวังไปแล้ว แต่ไม่ใช่เลยค่ะ นางไม่ยอมทิ้งพระสังข์ไปนางยอมทนลำบากเพื่อได้อยู่กับลูก

เดินพลางทางอุ้มลูกพลาง            เห็นทุกข์แม่บ้างพ่อสังข์เอ๋ย

บุกป่าฝ่าไพรแม่ไม่เคย                          เพราะกรรมทรามเชยเจ้าเกิดมา

เป็นคนหรือจะได้มาเป็นเพื่อน                มีเหมือนไม่มีโอรสา

เสียงเสือแรดช้างกวางทราย                ใจหายอกสั่นขวัญหนี

เล็ดลอดกอดลูกเข้าโศกี                      เทวีอุ้มสังข์ดำเนินไป

ถึงแม้ว่านางจะต้องอาศัยอยู่อย่างยากลำบากก็ตามที  แต่นางก็ยังคงดูแลพระสังข์อย่างดีไม่ทอดทิ้งไปไหน ไม่ว่านางจะเหนื่อยหรือลำบากแต่อย่างใดก็ขอเพียงให้มีพระสังข์อยู่กับนาง ถ้าเป็นดากานดายังไม่แน่ใจเลยค่ะว่าจะอดทนอย่างนางได้ไหม เพราะนางเป็นถึงพระมเหสีที่ไม่เคยต้องทำงานอะไรเลย แล้วนี่นางต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในป่าที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ รวมทั้งคนรับใช้ด้วย คนที่เคยอยู่ในตัวเมืองมีชีวิตสุขสบายกลับต้องมาดิ้นรนเอาชีวิตให้รอดอยู่ในป่าเขา คุณผู้อ่านลองคิดดูสิคะว่าขนาดเราๆ เนี่ยไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยที่ไม่มีไวไฟให้ใช้ เน็ตก็เข้าไม่ถึง เรายังรู้สึกทนไม่ไหวเลยใช่ไหมคะ แล้วยิ่งในสมัยนั้นไม่มีอะไรเลย โห ลำบากสุดๆเลยค่ะ แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ  คนเป็นแม่ไม่ว่าจะลำบากขนาดไหนขอเพียงได้อยู่ใกล้ๆ ลูก ก็ยอมอดทนทำได้ทุกอย่าง

เมื่อนั้น                                      โฉมจันท์กัลยามารศรี

อยู่ด้วยยายตาได้ห้าปี                          ยากแค้นแสนทวีทุกเวลา

ครั้นค่ำตักน้ำตำข้าว                             ครั้นรุ่งเช้าเจ้าเข้าป่า

เก็บผักเที่ยวหักฟืนมา                          กัลยาค้าขายได้เลี้ยงตัว

อุ้มเอาลูกน้อยหอยสังข์                       สุดกำลังแม่แล้วพ่อทูนหัว

เลี้ยงไว้ว่าจะได้เป็นเพื่อนตัว               ทูนหัวไม่ช่วยแม่ด้วยเลย

เนื้อเย็นเป็นคนนะลูกแก้ว                  ห้าหกขวบแล้วนะลูกเอ๋ย

กำดัดจะภิรมย์ชมเชย                         ลูกเอ๋ยจะเบาทุเลาแรง

ตอนที่นางได้เห็นพระสังข์ออกมาจากหอยสังข์เป็นครั้งแรก นางก็รู้สึกดีใจที่ได้พบหน้าลูก เหมือน กับความรู้สึกของแม่ทุกคนที่เฝ้ารอเวลาที่จะพบหน้าลูก เมื่อได้พบกันก็รู้สึกดีใจและตื้นตันใจ หลังจากที่นางรู้ว่าพระสังข์อาศัยอยู่ในหอยสังข์ นางจึงตีหอยสังข์จนแตกทำให้พระสังข์เจ็บปวดเสียใจมาก เมื่อนางเห็นลูกเจ็บปวดก็รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย นางทั้งกอดจูบและบอกเหตุผลแก่พระสังข์ไป เพราะไม่ต้องการให้ลูกเข้าใจผิด ดากานดาว่าคนที่เป็นแม่ทุกคนย่อมต้องการให้ลูกมีอนาคตที่ดี  ไม่มีใครอยากให้คนอื่นมองลูกคนตนไม่ดีหรอกค่ะ ยิ่งโดนตราหน้ามาว่าเป็นตัวโชคร้ายของบ้านเมือง คนเป็นแม่จะทนฟังคำร้ายๆที่มีคนว่าลูกได้อย่างไรล่ะคะ

  ฟังเอยฟังลูกว่า                           พระมารดาเสียวใจไหวหวั่น

กอดจูบลูบเนตรเกศกรรณ                           ร่วมวันขวัญตาพ่อว่าไย

สิ้นเคราะห์สิ้นกรรมทำมา                           ลูกยาอย่าว่าแม่เสียวไส้

ตกทุกข์ได้ยากลำบากใจ                           เพราะอ้ายหอยสังข์มันจังฑาล

มันมาหุ้มห่อเอาพ่อไว้                              ทำให้โหรามันว่าขาน

บิตุรงค์หลงกลอีคนพาล                        ไม่ช้าไม่นานจะคืนวัง

ยากเย็นเห็นหน้ากันแม่ลูก                     อย่าพันผูกโศกสร้อยถึงหอยสังข์

รักใคร่มันไยไม่จีรัง                                หอยสังข์เช่นนี้มีถมไป

จากบทข้างต้นดากานดาเห็นถึงความรักและความเจ็บระช้ำใจ ความสงสารลูก ของนางจันท์เทวีเป็นอย่างมาก เพราะหอยสังข์นี้ที่ทำให้พระสังข์ต้องเจอกับความยากลำบาก ต้องถูกขับไล่ออกมา ผู้เป็นแม่มีหรือจะทนได้ จึงทำลายต้นเหตุที่ทำให้ลูกต้องลำบากให้สิ้นซาก ดากานดารู้เลยค่ะว่าตอนที่นางทุบหอยสังข์นั้น นางจะต้องทุบสุดแรงเกิดแน่นอน ทำให้มันแหลกสลายเหมือนกับใจของนางที่ต้องทนเห็นลูกน้อยมาลำบากตรากตรำ ดากานดาคิดว่าถึงแม้นางจะรักลูกมากเพียงใด แต่นางก็ยังเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน นางคงหวังอยู่ลึกๆ แหละค่ะว่าอยากให้ลูกตัวเองเป็นคนจริงๆ พอรู้ตัวว่าลูกอาศัยอยู่ในหอยสังข์นางจึงทุบหอยสังข์ทิ้งไป

ดากานดาคิดว่าทุกคนที่เป็นแม่ก็ย่อมรู้สึกเช่นเดียวกับนางจันท์เทวีแน่ๆ เลยค่ะ เมื่อเห็นลูกเจ็บ แม่ก็เจ็บยิ่งกว่าและถ้าเป็นไปได้แม่ก็จะขอยอมเจ็บแทนลูกด้วยซ้ำไป เมื่อถึงคราวที่พระสังข์จะมีภัย ด้วยสายใยของความเป็นแม่ลูกทำให้นางที่เป็นแม่รู้สึกกระวนกระวายเหมือนมีลางบอกเหตุ นางจันท์เทวีรู้สึกห่วงลูกอย่างประหลาด

เมื่อนั้น                                      มเหสีมีกรรมระส่ำระสาย

หาสู่ลูกเต้าทุกเพรางาย                     เมื่อวันอันตรายมาถึงตัว

จูบสั่งลูกแก้วแววไว                          อยู่ดูกาไก่พ่อทูนหัว

เสือแผ้วแมวคราวจะเอาตัว               นอกรั้วกลัวมันอย่าออกไป

ปั้นวัวควายเล่นแต่ในร่ม                    ถูกต้องแดดลมจะล้มไข้

ลูกเอ๋ยมีกรรมก็จำไป                          เงินเฟื้องเบี้ยไพก็ไม่มี

ว่าพลางทางจับแสรกคาน                    จากบ้านเข้าสู่ไพรสี

พุพองสองเท้าไม่มีดี                          มเหสีเกียกกายซังตายไป

ดากานดารู้สึกคิดถึงแม่ของดากานดาเลยค่ะ เวลาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว แม่ก็คอยสอนและกำชับกับดากานดาแบบนี้ โดยเฉพาะวรรคที่บอกว่าให้ปั้นวัวควายเล่นแต่ในร่มถูกต้องแดดลมจะล้มไข้ ดากานดาซาบซึ้งมากๆ นางจันท์เทวีห่วงใยพระสังข์อย่างสุดใจ กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์ร้ายๆกับลูก

ดากานดาว่าคนเป็นแม่ ไม่ว่าจะเป็นเวลาทุกข์หรือเวลาสุข ลูกจะเป็นอันดับแรกที่แม่นึกถึง นี่แหละค่ะหัวอกคนเป็นแม่ก็ต้องย่อมรักและห่วงลูกเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว พอกลับมาถึงบ้างนางก็รีบเรียกหาลูกของนางทันที หลังจากที่รู้ว่าลูกถูกจับตัวไปนางก็รู้สึกใจจะสลาย อย่างที่ดากานดาได้บอกไปว่าแม่รักลูกขนาดไหนและลูกนั้นสำคัญกับผู้เป็นแม่มาก ไม่แปลกเลยถ้านางจะเศร้าเสียใจ ยิ่งรู้ว่าคนที่นำตัวไปเป็นคนไม่ดีและไม่เคยคิดดีกับตนและลูกเลย จะให้นางนิ่งนอนใจก็คงไม่ได้ นางยอมที่จะตายพร้อมไปกับลูก นางไม่อยากมีชีวิตอยู่ถ้าหากโลกใบนี้ไม่มีแก้วตาดวงใจของนาง ลูกคือสิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่เข้มแข็ง เหมือนนางจันท์เทวีที่เหลือพระสังข์เพียงคนเดียว ไม่ว่านางจะตกระกำลำบากมากแต่ก็ยอมอดทนเพื่อลูก นางมีพระสังข์เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไปและต่อสู้กับปัญหาต่างๆ เมื่อพระสังข์ไม่อยู่นางจึงไม่ต้องการที่จะมีชีวิตต่อไป   อ่านถึงตรงนี้ดากานดารู้สึกสงสารนางจับใจ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรของนางจันทร์เทวีกันนะ ขนาดเราไม่ใช่แม่ยังรู้สึกสงสารและเสียใจขนาดนี้ นึกถึงความรู้สึกของคนเป็นแม่สิคะ คงหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกของนางจันทร์เทวี

      เมื่อนั้น                                      นางจันท์ชนนีศรีใส

ได้ข่าวลูกแก้วแววไว                        ดังจะขาดใจตายด้วยลูกยา

สองกรข้อนทรวงเข้าผางผาง            ดังนางจะม้วยสังขาร์

ผลุดลุกหันหุนหมุนมา                     ตรงไปยังท่าชลาลัย

บาทาแตกคุพุพอง                          หนามต้องตามติดหาปลิดไม่

ล้มลุกคลุกคลานทะยานไป              กลัวจะไม่เห็นองค์พระลูกยา

นางจันท์เทวีออกไปตามหาพระสังข์โดยไม่เกรงกลัวต่ออันตรายหรืออุปสรรคใดๆ แม้ว่านางจะต้องฝ่าฝันอุปสรรคหรือความลำบากมากมายขนาดไหนนางก็จะต้องไปหาลูกให้ได้ ด้วยความรักของแม่ที่มีแต่ลูก ถึงแม้ว่าแม่จะต้องบาดเจ็บหรือพบกับอันตรายมากมายเพียงใด แม่ก็ไม่เคยหวาดหวั่นและพร้อมจะทำทุกวิธีทางเพื่อให้ได้เจอลูก ดากานดารู้สึกเศร้าเสียใจไปกับนางด้วยจริงๆ ค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้ก็อดร้องไห้ตามนางไปด้วยไม่ได้ ชีวิตของนางต้องเผชิญความยากลำบากขนาดนี้แล้วยังจะถูกพรากลูกไปจากอกอีก การที่ไม่มีลูกรักอีกต่อไปทำให้นางไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแม้แต่กินข้าวหรือพักผ่อน จนทำให้นางซูบผอมและได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ เวลาของนางในแต่ละวันนั้นก็ผ่านไปอย่างยากเย็นและไม่มีความสุข คนเรานะคะเมื่อไม่มีสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่เหลือใครที่ต้องการปกป้องดูแลก็เหมือนหมดเป้าหมายในการใช้ชีวิต

    เมื่อนั้น                                      นางจันท์เทวีโฉมฉาย

อาศัยเคหาตากับยาย                   ยากเย็นเป็นม่ายมาหลายปี

เช้าค่ำคำนึงถึงลูกน้อย                 ให้เปลี่ยวเปล่าเศร้าสร้อยหมองศรี

กินแต่น้ำตาทุกราตรี                    เทวีซูบผอมตรอมใจ

อุตส่าห์เก็บผักหักฟืนขาย             จะเว้นวายเวลาก็หาไม่

แสนลำบากยากเข็ญเป็นพ้นไป      มิได้มีสุขแต่สักวัน

คนเป็นแม่นะคะแม้ว่าจะพรากจากลูกไปกี่ปีก็ยังจดจำลูกของตนได้ ดังเช่นที่นางเห็นพระสังข์ก็รู้สึกได้ว่านี่แหละลูกของนาง แม้ว่าจะมีรูปโฉมที่แตกต่างไปบ้าง เมื่อนางพบเจอลูกแล้วจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกจดจำนางได้ ยอมแม้กระทั่งเข้าไปเป็นแม่ครัวเพื่อทำอาหารให้ลูกกิน ซึ่งนางก็ทำอาหารพร้อมแกะสลักฟักเป็นเรื่องราวของนางและพระสังข์ไปถวาย และผลความพยายามของนางก็สำเร็จทำให้นางกับพระสังข์ได้พบเจอกันอีกครั้ง ดากานดาเองก็อดที่จะยินดีกับทั้งสองไม่ได้เลย ในที่สุดแม่กับลูกก็ได้มาเจอกันสักที   ฮืออออออ

     เมื่อนั้น                                     นางจันท์เทวีศรีใส

เห็นพระโอรสยศไกร                     มาร้องไห้แน่นิ่งไม่ติงกาย

นางส้วมสอดกอดองค์พระลูกรัก    นงลักษณ์อกสั่นขวัญหาย

ชลนัยน์ไหลหลั่งพรั่งพราย            โฉมฉายนิ่งไปไม่สมประดี

               นางจันเทวีและนางยักษ์พันธุรัตน์อยู่ในตำแหน่งแม่ด้วยกันทั้งสองคน แค่ต่างกันตรงคำว่า ‘แม่ผู้ให้กำเนิด’ กับ ‘แม่เลี้ยง’ ที่พ่วงท้ายมาด้วย แต่ความรักและจิตวิญญาณของความเป็นแม่ของทั้งคู่ ไม่ได้มีใครด้อยกว่าใคร หรือใครที่ทำหน้าที่ของผู้เป็นแม่ได้แย่กว่าอีกคนเลย นางทั้งสองคนต่างก็ดูแล และให้ความรักแก่พระสังข์ได้เป็นอย่างดี และยอดเยี่ยม ถึงแม้วิธีการเลี้ยงนั้นจะไม่เหมือนกันก็ตามที นางยักษ์จะรักลูกแบบแนวไข่ในหินมากกว่านางจันเทวี ที่ลูกตัวเองไม่เคยผิดอะไรก็ตาม และแม้ว่าสุดท้ายนางจะเสียใจปนแค้นที่พระสังข์หนีไป แต่นางก็สอนมนตร์หาเนื้อหาปลาให้พระสังข์ก่อนนางจะสิ้นใจ เพื่อให้พระสังข์เอามนตร์นี้ไปเลี้ยงตนเองต่อไปได้ เห็นไหมคะ ว่าแม่เลี้ยงก็ไม่ได้รักเราน้อยไปกว่าแม่ผู้ให้กำเนิดเลย ดากานดาว่าความรักของผู้เป็นแม่ ไม่ใช่ถูกจำกัดความด้วยคำว่า ‘แม่ผู้ให้กำเนิด’ หรือ ‘แม่เลี้ยง’ หรอกค่ะ มันอยู่ที่จิตใจของผู้เป็นแม่มากกว่า ไม่ว่าลูกคนนั้นจะเป็นลูกแท้หรือลูกเลี้ยง หากใจเรารักเขาเป็นลูก มีจิตวิญญาณของความเป็นแม่ อย่างไรก็ตาม เราก็ย่อมรักและห่วงใจลูกคนนั้นยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก แม้ว่าตัวเองจะต้องลำบากตรากตรำแค่ไหนก็ตาม ไม่มีแม่คนไหนหรอกค่ะที่ไม่รักลูก เห็นไหมคะตลอดเวลาที่พระสังข์ไม่ได้อยู่กับนางจันทร์เทวี แต่ละวันของนางก็ไม่มีความสุขเลย ไม่เหมือนกับที่ตอนที่มีลูกอยู่ด้วย ถึงจะยากลำบาก แต่กำลังใจของคนเป็นแม่ก็คือลูก ต่อให้เหนื่อยขนาดไหน กลับมาเจอหน้าลูกผู้เป็นแก้วตาดวงใจของแม่ แค่นี้ก็หายเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ ถึงนางพันธุรัตจะเป็นยักษ์ แต่นางก็ไม่ได้รังเกียจมนุษย์เลย แม้ว่าจะต่างชาติพันธุ์แต่นางก็คิดว่าพระสังข์เป็นลูกของนาง นางดูแลเหมือนลูกแท้ๆ ให้ความรัก ความใส่ใจกับพระสังข์อย่างเต็มที่ ทำหน้าที่แม่ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง  นี่แหละค่ะความรักของคนเป็นแม่ แม่ผู้ไม่หวังสิ่งตอบแทน เพียงแค่ได้มองลูกเติบโตอย่างมีความสุข คนเป็นแม่ก็มีความสุขแล้ว ความรักของแม่ช่างยิ่งใหญ่และบริสุทธิ์ หากตอนนี้ผู้อ่านทะเลาะกับคุณแม่ หรือใครก็ตามที่มองข้ามความรักของผู้เป็นแม่ เชื่อดากานดาเถอะค่ะว่าแม่รักเรามาก ไม่มีความรักไหนแทนรักอันบริสุทธิ์นี้ได้หรอกค่ะ ก่อนจากกันไปดากานดามีคำคมเล็กๆ น้อยๆ มาฝากคุณผู้อ่านด้วยค่ะ ดากานดาขอตัวกลับบ้านไปหาแม่ของดากานดาบ้างนะคะ สวัสดีค่ะ

” Mothers are the people who love us for no good reason. And those of us who are mothers know it’s the most exquisite love of all.” – Maggie Gallagher “ แม่คือคนที่รักเราโดยไม่มีเหตุผล และแม่ทุกคนรู้ดีว่ามันเป็นความรักที่งดงามที่สุด ”


อ้างอิง

พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย. (ม.ป.ป). บทละครนอกเรื่องสังข์ทอง. เข้าถึงเมื่อ 4 เมษายน. เข้าถึงได้จาก http://vajirayana.org/บทละครนอกสังข์ทอง

Leave a comment